การประท้วงอดข้าวของนักเรียนโรงเรียนบดินทรเดชาเป็นกระแสข่าวที่ร้อนแรง
ในช่วงเปิดเทอม
ถึงแม้ว่าประเด็นของการเรียกร้องเป็นเรื่องการไม่ได้รับสิทธิเข้าศึกษาต่อใน
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนเดิม
ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบการคัดเลือกนักเรียนเข้าศึกษาในโรงเรียน
แต่กรณีนี้ได้ถูกนำไปเชื่อมโยงกับประเด็นอื่นๆ ในระบบการศึกษาไทย อาทิ
ความไม่เท่าเทียมกันของคุณภาพของโรงเรียน
การจ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยะเพื่อแลกสิทธิการเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง
ฯลฯ
รัฐบาลในยุคสมัยต่างๆ
เน้นความพยายามในการกระจายโอกาสทางการศึกษาอย่างทั่วถึง
โดยผู้เรียนไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่ปัญหาคือ งบประมาณที่ต้องใช้มีจำนวนสูงมาก
แต่รัฐบาลมีงบประมาณจำกัด
ระบบการศึกษาไทยจึงประสบความสำเร็จเฉพาะด้านปริมาณเท่านั้น
แต่คุณภาพของการศึกษายังเป็นปัญหามาก และโรงเรียนต่างๆ
มีความแตกต่างของคุณภาพการศึกษาค่อนข้างสูง
รัฐบาลในยุคหลังๆ
จึงเน้นความพยายามพัฒนาคุณภาพของโรงเรียนให้ทัดเทียมกัน
และทำให้โรงเรียนที่มีคุณภาพไม่กระจุกตัวเฉพาะในกรุงเทพมหานคร
ดังตัวอย่างของโครงการ “หนึ่งอำเภอ หนึ่งโรงเรียนในฝัน” อย่างไรก็ตาม
คุณภาพของโรงเรียนไทยยังคงเป็นปัญหา และยั้งมีความแตกต่างกันมาก
การจัดการศึกษาด้วยแนวคิด คือ ทั่วถึง มีคุณภาพ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
จึงกลายเป็นสามสิ่งที่ไม่สามารถเกิดขึ้นพร้อมกันได้ (Trinity of
impossibility) เพราะรัฐบาลของประเทศที่มีรายได้ปานกลางอย่างประเทศไทย
ไม่มีทางมีทรัพยากรเพียงพอสำหรับการจัดการศึกษาด้วยแนวคิดนี้
การเปลี่ยนแปลงระบบการเงินของการศึกษาไทยน่าจะเป็นคำตอบหนึ่งของการบรรลุ
เป้าหมายการจัดการศึกษาอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ
ซึ่งผมได้เคยเสนอความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูประบบการเงินของการจัดการศึกษา
ไว้แล้ว เมื่อครั้งที่ผมเป็นประธานคณะทำงานการศึกษา ศิลปะและวัฒนธรรม
สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และได้เขียนหนังสือ “อุดหนุน 4 ทิศ :
คิดใหม่เรื่องเงินเพื่อการศึกษา” เมื่อปี 2547
หลักการสำคัญของข้อเสนอของผม คือ
รัฐบาลไม่ควรเป็นผู้เดียวที่จ่ายเงินเพื่อจัดการศึกษา
แต่ควรให้ผู้เรียนที่มีฐานะมีส่วนร่วมจ่ายด้วย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว
คนที่มีฐานะดีในประเทศนี้ได้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ลูกหลานของตนได้เรียน
ในโรงเรียนที่เขาเชื่อว่ามีคุณภาพสูงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนนานาชาติ
โรงเรียนอินเตอร์ โรงเรียนเอกชน และเป็นที่ทราบกันว่า
การจ่ายเงินแป๊ะเจี๊ยะ (หรือในชื่ออื่นๆ เช่น เงินบริจาค )
เพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียงเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงในระบบการ
ศึกษาไทย
แต่การจูงใจให้ผู้มีความสามารถในการจ่ายร่วมจ่ายเงินสำหรับการจัดการ
ศึกษาและพัฒนาคุณภาพการศึกษาในภาพรวมของประเทศนั้น
ไม่สามารถบีบบังคับให้เขาจ่ายค่าเล่าเรียนสูงกว่าคนอื่นๆ ได้
โดยที่ไม่ได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นเลย
ผมได้เสนอให้มีการจัดโรงเรียนออกเป็นหลายกลุ่ม
เพื่อที่รัฐบาลจะสามารถสนับสนุนการจัดการศึกษาของโรงเรียนแต่ละกลุ่มได้
อย่างเหมาะสมกับสภาพของโรงเรียน
กลุ่มโรงเรียนที่มีชื่อเสียงควรมีอิสระมากขึ้นในการจัดการศึกษา
การรับนักเรียน และการกำหนดค่าเล่าเรียน โดยมีเงื่อนไขว่า
การได้สิทธิเข้าเป็นนักเรียนของโรงเรียนเหล่านี้ต้องอยู่บนหลักการแข่งขัน
และต้องไม่มีข้อจำกัดในการเข้าเรียนสำหรับผู้เรียนที่มีฐานะยากจน
ด้วยการจัดการแบบใหม่จะทำให้โรงเรียนมีรายได้มากขึ้นสำหรับการขยายการรับนัก
เรียนเข้าศึกษา ขยายสาขาของโรงเรียน
หรือพัฒนาคุณภาพของการศึกษาของโรงเรียนให้ดียิ่งขึ้นได้
โดยไม่ต้องพึ่งงบประมาณจากรัฐบาล
และทำให้ความจำเป็นในการเรียกรับเงินบริจาคลดลง
รัฐบาลก็จะสามารถจัดสรรงบประมาณมากขึ้น
(โดยอาจจะดึงรายได้ส่วนหนึ่งจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้วยก็ได้)
เพื่อพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของโรงเรียนในกลุ่มที่มีคุณภาพการศึกษาต่ำ
และยกระดับคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนทั้งประเทศให้สูงขึ้นได้
ผมขอยกกรณีของโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งได้มีจัดตั้งโรงพยาบาลศิริราช
ปิยมหาราชการุณย์ โดยมีรูปแบบการให้บริการเหมือนโรงพยาบาลเอกชน
และมีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลสูงกว่าโรงพยาบาลรัฐ
แต่มีคุณภาพเหมือนกับโรงพยาบาลศิริราชเดิม
การจัดตั้งโรงพยาบาลแห่งใหม่มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ความแออัดของโรง
พยาบาลศิริราชเดิมลดลง
ขณะที่ผู้ป่วยที่มีฐานะก็ยินดีจ่ายค่ารักษาพยาบาลสูงขึ้นเพื่อแลกกับความ
สะดวกสบายมากที่ ส่วนโรงพยาบาลก็มีรายได้มากขึ้น
ทำให้สามารถรองรับผู้ป่วยที่มีฐานะยากจนได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น
อุปสรรคสำคัญของการปฏิรูปการเงินของระบบการศึกษา คือ
คนจำนวนหนึ่งยังยึดมั่นอยู่กับแนวคิดความเท่าเทียมทางการศึกษาที่ว่า
ทุกคนต้องมีโอกาสได้รับการศึกษาโดยเท่าเทียมกัน มีคุณภาพเหมือนกัน
และไม่เสียค่าใช้จ่าย (หรือต้องจ่ายเท่ากัน)
ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นเป็นไปไม่ได้
และไม่ควรเป็นเช่นนี้ด้วยเพราะจะกลับเป็นการทำลายแรงจูงใจในการพัฒนาของแต่
ละโรงเรียนเพื่อให้มีคุณภาพสูงขึ้น
และทำให้ภาพรวมการศึกษาไทยมีอัตราการพัฒนาที่ช้าลงไปอีก
ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์
นักวิชาการอาวุโส มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด
kriengsak@kriengsak.com, http:// www.kriengsak.com
นายเชษฐา เถาวัลย์ ซอและฮ์ ดร. ครูซอ สควค. อัตตัรกียะห์ พิมานพิทยาสรรค์ ศิลปากร สงขลานครินทร์ การบริหารการศึกษา การศึกษาอิสลาม ครู การเรียน การสอน วิจัย วิทยานิพนธ์ โรงเรียนในฝัน โรงเรียนดีประจำตำบล เกาะอาดัง เกาะตะรุเตา เกาะหลีเป๊ะ ไอซีทีชุมชน สพม. สพป. ผู้อำนวยการ ผู้บริหาร กระบวนการตัดสินใจ ชีวิตร้าย ๆ ครูบ้านนอก สตูล ของดีเมืองสตูล ปากบารา ท่าเรือน้ำลึก เกาะลิดี อันดามัน Mistersor croosor satun labschools PSU HS9PTB facebook blog social media
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น